One device does it all: NFC Technology for Mobile
ในปัจจุบันคงจะกล่าวได้ว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นได้ก้าวไกลไปจากอดีตอยู่มาก จากเดิมที่ถูกผลิตขึ้นมาเพียงเพื่อไว้สำหรับสื่อสารทางไกลเท่านั้น แต่ในขณะนี้ ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีต่างๆ โทรศัพท์เคลื่อนที่จึงไม่ได้มีหน้าที่ไว้เพียงสำหรับติดต่อสื่อสารแค่นั้นอีกต่อไป แต่มันได้เพิ่มเติมหน้าที่อันหลากหลายและน่าทึ่งเข้าไป ไล่มาตั้งแต่ เครื่องเล่นเกม กล้องดิจิตอล เครื่องเล่นเอ็มพีสาม พีดีเอ อุปกรณ์เนวิเกเตอร์ หรือแม้กระทั่งนวัตกรรมล่าสุดที่เปลี่ยนให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปเป็น ในสิ่งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงฝั่งตรงข้าม นั่นคือ กระเป๋าตังค์
Near Field Communication (NFC): Young Blood of Mobile Technology
เทคโนโลยี NFC เป็นการนำเอา RFID มารวมเข้าไว้กับ Simcard ภายในโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อสำหรับการจัดเก็บบันทึกข้อมูล รวมทั้งสามารถทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่อ่านข้อมูลใน RFID ได้อีกด้วย ด้วยสิ่งนี้เหมือนเป็นการทำให้โทรศัพท์กลายเป็น key หรือกุญแจที่จะนำไปสู่ฐานข้อมูล (Database) ของผู้ให้บริการหรือตัวโทรศัพท์นั่นเองที่จะเป็นแหล่งของข้อมูล เพื่อให้ตัวผู้ใช้งานเกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้นในการทำธุรกรรมหรือกิจกรรมต่างๆด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่เพียงเครื่องเดียว นั่นเอง
ข้อมูลที่ว่านั่นโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ให้บริการจะคงเน้นไปที่การทำธุรกรรมทางการเงินซะมากกว่า เช่น การนำเอาข้อมูลของบัตรเครดิตมาผูกติดเอาไว้กับ RFID ภายใน Simcard เพื่อให้ทุกครั้งที่มีการจับจ่ายสินค้า เพียงผู้ใช้นำโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปลากผ่านตัวเครื่องอ่าน (RFID Reader) ตัวเคลื่อนจะทำการติดต่อกับฐานข้อมูลธนาคาร รับส่งข้อมูล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต จำนวนเงิน ยอดเครดิต ทำการอนุมัติและชำระเงิน ทั้งหมดนี้จะใช้เวลาที่รวดเร็วแต่หากว่า ผู้ใช้ไม่ได้ทำการผูกบัญชีเอาไว้กับบัตรเครดิตหรือธนาคารใดๆ ก็ยังคงสามารถทำธุรกรรมได้ด้วยการนำเอาเครื่องโทรศัพท์ไปเติมเงินผ่านทางเคลื่อนเติมเงินที่สามารถอ่านและบันทึกข้อมูลลงไปที่ RFID หลังจากนั้นทุกครั้งที่ชำระเงินยอดเงินภายใน RFID ก็จะถูกหักออกไป ลูกค้าสามารถนำไปชำระได้ทั้งค่าสินค้า บริการ และการใช้ระบบขนส่งมวลชนได้อีกด้วย
นอกเหนือจากเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงินแล้วนั้น ยังสามารถนำเอาเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้ในเรื่องของการทำ CRM เพราะอย่างที่กล่าวไว้เมื่อตัวเคลื่อนโทรศัพท์ได้กลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผู้ให้บริการหรือบริษัทต่างๆสามารถเข้าถึงฐานข้อมูล (Database) ของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถทำให้รู้ได้ว่าลูกค้าคนนี้เป็นใคร ควรจะเสนอการให้บริการแบบไหน เช่น การทำให้RFID เป็นลักษะของ E-Member card ซึ่งแต่ก่อนนั้นลูกค้าจะต้องแสดงบัตรสามารถให้กับพนักงานและทางพนักงานจะทำการค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลถึงจะทราบได้ว่าลูกค้าคนนี้เป็นใคร แต่ด้วยRFID ที่อยู่ภายในเคลื่อนโทรศัพท์ที่มีของมูลของลูกค้าอยู่แล้วเพียงเดินผ่านเข้ามาภายในร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้า ตัวเคลื่อนอ่านข้อมูล RFID Reader จะทำการอ่านข้อมูลและเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลเพื่อสืบค้นจากระบบขึ้นมาทันทีข้อมูลเหล่านี้จะไปแสดงที่หน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์ของพนักงานหรือ PDA ก็ได้จะทำให้พนักงานทราบทันที่ว่ามีลูกค้าสำคัญ หรือ ลูกค้าที่นัดหมายเอาไว้เข้ามาที่ร้านแล้ว สามารถให้บริการได้ในทันที
กานำเอามาประยุกต์ใช้สำหรับการจัดเก็บและแสดงข้อมูลของลูกค้าแต่ละรายนั้นยังอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการเดินทาง เช่นการทำเป็น E-passport เพียงเดินผ่านเครื่องอ่านข้อมูล หรือการใช้เป็นตั๋วเครื่องบิน การCheck in การเข้าพักโรงแรม เพียงลูกค้าทำการจองตั๋วผ่านทางอินเตอร์เน็ทและทำการบันทึกข้อมูลจาก RFID ที่หน้าจอผ่านทางกล้องที่อยู่บนโทรศัพท์ ในกรณีนี้จะเห็นได้ว่าโทรศัพท์ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเครื่องอ่าน (Reader) และเครื่องบันทึก (Recorder) ได้เหมือนกันและนำไปแสดงยังเคาน์เตอร์ Check in ที่สนามบินหรือโรงแรมได้ทันที
มองภาพรวมของการนำเอา NFC มาใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารของข้อมูลบน RFID นั้นจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในเรื่องของความรวดเร็วและการสะดวกสบายที่ไม่ต้องพกพาเอาบรรดา บัตรเครดิต บัตรสมาชิก เงินสด ข้อมูลต่างๆ ใบยืนยันการจองตั๋ว ไปกับตัวตลอดเวลาหรือต้องจดจำเอาหมายเลขต่างๆ เพียงแค่ทำการบันทึกข้อมูลเหล่านี้ลงบน Simcard ที่มี RFID ไว้ก็จะสามารถทำให้เราทำธุรกรรมต่างๆได้อย่าง่ายดาย ในแง่มุมของผู้ให้บริการเองดูจะได้ประโยชน์ซะมากกว่า หากนำเอาเทคโนโลยีนี้มาปรับให้เข้ากับลักษณะการทำงานและการใช้ข้อมูล เพราะจะทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าภายในฐานข้อมูลได้รวดเร็วและพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทั้งยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีเอาไว้ให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ข้อมูลที่ถูกเก็บเอาไว้และที่จะนำมาใช้งานจะต้องเป็นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพคือเป็นข้อมูลที่มีความทันสมัย(update) มีความถูกต้องและเหมาะสมกับการนำมาใช้งาน การจัดเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์นี้จะต้องอาศัยระบบการจัดการ Database ที่ดี มีความรวดเร็วและน่าเชื่อถือ
การสร้างกระแสความนิยมให้คนหันมาใช้ RFID จะต้องได้รับการส่งเสริมกันในหลายๆฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทั้งรัฐบาลและเอกชน ในการที่จะรวบรวมเอาธุรกิจต่างๆเข้ามามีส่วนรวมกับเทคโนโลยีนี้ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ห้างร้าน ขนส่งมวลชน ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ สำหรับความสามารถที่น่าสนใจดังที่กล่าวไปแล้วนั้น อีกสิ่งที่จะต้องพัฒนาและให้ความสำคัญควบคู่กันไป เห็นจะเป็นในเรื่องของความปลอดภัยและความลับของข้อมูล เพราะถ้าเราเก็บเอา ข้อมูลบัตรเครดิต บัญชีเงินฝาก หมายเลข Passport และอื่นๆอีกมากมายมาไว้ในที่เดียวกัน ก็ควรจะมีการป้องกันข้อมูล การยืนยันความถูกต้องให้รัดกุม มากที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบายใจและมั่นใจ พร้อมที่จะนำเอาเจ้าเทคโนโลยีนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตเหมือนกับที่ครั้งหนึ่งโทรศัพท์หน้าตาประหลาด ตัวเครื่องใหญ่โต ได้เคยทำเอาไว้แล้วในอดีต
Kasikornbank and AIS introduce NFC payments in Thailand
“Kasikornbank, Thailand’s second largest bank, and Advanced Info Services (AIS), the country’s largest telecommunications operator, have partnered with Gemalto to introduce NFC services in Thailand.”
http://www.nearfieldcommunicationsworld.com
Mobile payWave ในรูปแบบ Touch and Go จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ นำโดย คุณสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย โดย คุณชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ร่วมเปิดตัวบริการ “จีเอสเอ็ม โมบาย เพย์เวฟ (GSM Mobile payWave)”นำเสนอ
“GSM Mobile payWave” เป็นการชำระเงินด้วยเทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) ซึ่งเอไอเอส และ KBank ได้รับความร่วมมือจากบริษัท Gemalto ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบ Mobile Contactless ชั้นนำระดับโลก ในการพัฒนาระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรูปแบบ Touch and Go และกำลังเป็น 1 ในเทคโนโลยีซึ่งเป็น Trend ที่มาแรงที่สุด เนื่องจากผู้บริโภคสามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ชำระค่าสินค้าและบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เพียงยื่นโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้าไปที่เครื่องอ่านบัตร Visa payWave เครื่องอ่านบัตรก็จะดำเนินการอ่านข้อมูลบัตรเครดิตที่บรรจุภายในโทรศัพท์เคลื่อนที่ และทำการประมวลผลข้อมูลเพื่ออนุมัติการชำระค่าสินค้าหรือบริการนั้นๆ ทันที โดยในอนาคตจะมีการขยายการใช้บริการดังกล่าวไปยังผู้ให้บริการอื่นๆ ที่สามารถใช้ประโยชน์ของการชำระสินค้าแบบ Touch and Go หรือ Micro Payment โดยการเปิดตัวในครั้งนี้ เอไอเอส ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย พัฒนาขึ้นในลักษณะของบริการนำร่องเพื่อให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การก่อนที่จะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
สำหรับความร่วมมือในการพัฒนาบริการ GSM Mobile payWave ครั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทย ได้นำนวัตกรรมการชำระเงินระบบไร้สัมผัส ผสานเข้ากับเทคโนโลยีด้านการสื่อสารของ เอไอเอส -จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ ได้เป็นบริการที่ช่วย
หมายเหตุ เอกสาร การประชุม Mobile payment Asia 2007 2-4 October 2007
Unlocking Business Opportunities with Mobile Payment Services
Posted by ธนกร on กันยายน 22, 2010 at 9:23 AM
เรื่องราวน่าสนใจดีครับ เป็นลักษณะของการรวมเทคโนโลยีอีกอย่างหนึ่ง มีคำถามเล่นๆ จะฝากถามว่า ทางบริษัทมอง Position ของ True Money อย่างไร เป็นคู่แข่งหรือไม่ครับ
Posted by bu2010mba on กันยายน 23, 2010 at 6:18 PM
จากการสัมภาษณ์ผู้ดูแล Project เรื่องของฐานข้อมูลบัตรเครดิต VISA ธนาคารกสิกรไทยผนวก โทรศัพท์มือถือ Nokia 6212 ของระบบ AIS
——————————————————————————–
ขอขอบคุณสำหรับการอำนวยความสะดวกและข้อมูล
Mr. Srihanath Lamsamและทีมงานที่รับผิดชอบ Project นี้
Retail E-Business Department
KASIKORNBANK
——————————————————————————–
1.จากที่ได้อ่านไฟล์ที่แนบมาด้วย ระบบ“GSM Mobile payWave” เป็นการชำระเงินด้วยเทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) ซึ่งเอไอเอส และ KBank ได้รับความร่วมมือจากบริษัท Gemalto ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบ Mobile Contactless ชั้นนำระดับโลก อย่างนี้บนมือถือของผู้ใช้เรามีระบบป้องกันอย่างไรหากว่ามือถือเราถูกขโมย ในการชำระสินค้าแต่ล่ะครั้งจะต้องมีการเข้ารหัสเพื่อยืนยังความเป็นเจ้าของเครื่องอย่างไร?
ตอบ
รูปแบบของ NFC Phone ข้อมูลบัตรเครดิตจะถูกฝังไว้บนมือถือ 6212 Nokia (ราคาประมาณ 12,000) บนแผงวงจรมือถือบนเครื่อง ในกรณีที่มือถือหายการปฏิบัติจะทำเหมือนบัตรเครดิตหายคือโทรเข้า Call center ของธนาคารกสิกรไทยแล้วทางเจ้าหน้าที่จะทำการ Lock ระบบการใช้จ่าย 2 ชั้นคือ Lockขั้นที่1. ระงับวงเงินการใช้บัตร(back office) Lockขั้นที่2. จะส่งการระงับการชำระเงินผ่านเครื่องมือถือทำให้มือถือไม่สามารถชำระสินค้าได้
(ในกรณีที่เราถอดซิมของเราแล้วเอาซิมของเพื่อนมาใส่เราก็ยังสามารถชำระสินค้าได้ตามปกติโดยข้อมูลการใช้จ่ายจะเป็นชื่อของเรา)
2.เป้าหมายของโครงการ GSM Mobile pay Wave คาดว่าจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย
ตอบ
ความคาดหวังของเราคงจะยังไม่สามารถคิดเป็นเปอร์เซ็นได้ในขณะนี้เราก็มีการเช็กผลตอบรับเป็นไตรมาสแต่โดยเป้าหมายกลุ่มลูกค่าเราจะเป็น Lifestyle ของความคล่องตัวในด้านของเทคโนโลยีIT กับ ความนำสมัยโดยการคัดเลือก AIS จะคัดกรอกกลุ่มลูกค้าในเบื้องต้นแล้วนำมา matching กับกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทย
3.เริ่มได้ยินสปอร์ตโฆษณาทางวิทยุอยากทราบว่าเริ่มเปิดให้บริการกับลูกค้าทั่วไปได้เมื่อไร
ตอบ
เราได้เปิดตัวไปประมาณเดือนกว่าๆแล้วและขั้นต่อไปคือสังเกตุผลตอบรับจากกลุ่มPilot ในส่วนของการตลาดเราจะให้ทาง AIS ดูแลในเรื่องนี้ครับ
4.ทางบัตรเครดิตกสิกรมีเป้าหมายจะร่วมกับ Operator รายอื่นด้วยหรือไม่
ตอบ
นโยบายของธนาคารไม่ได้ผูกกับค่ายใดเป็นพิเศษเรายินดีหาก Operator รายอื่นจะทำ
5.ระดับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยที่จะเข้าร่วม โครงการ GSM Mobile pay Wave เป็นบัตรชนิดใด
ตอบ
เป็นกลุ่มที่ชอบเทคโนโลยีสมัยใหม่สะดวกสบายในอนาคตเราจะทำให้สามารถใช้ในบริการ BTS และ MRT เพราะในปัจจุบันเราสามารถชำระในร้านค้าชั้นนำได้หลายแห่งเช่น ร้านกาแฟ ห้างสรรพสินค้า และ อื่นตามที่ได้โฆษณาไว้กับร้านค้าที่ร่วมรายการ
6. ณ ตอนนี้เครื่องมือถือที่ใช้ได้จะเป็นเฉพาะโนเกีย 6212 เท่านั้นแล้วในอนาคตจะมียี่ห้อเพิ่มขึ้นรึเปล่าและทำไมต้องเป็น 6212
ตอบ
การใช้งานจริงทั่วโลกปัจจุบันจะมียี่ห้อ Nokia เพียงเจ้าเดียวส่วนที่เหลือจะยังอยู่ในการพัฒนาตัวต้นแบบอยู่
7.ข้อดี/ข้อด้อย ของการใช้ GSM Mobile payWave เปรียบเทียบกับบัตรเครดิต
ตอบ
ข้อดี
1. ลูกค้าไม่ต้องพกบัตรและลูกค้าต้องการความรวดเร็ว
2. การชำระเงินในวงเงินไม่มาก(5,000 บาท)และไม่ต้องเซ็นสลิป
3. ระบบความปลอดภัยเท่ากับบัตรเครดิต
ข้อจำกัด
1. การชำระเงินต้องเป็นเครื่องรูดบัตรของธนาคารกสิกรไทยที่สนับสนุนการรูดบัตรผ่านระบบ Mobile Paywave
2. ผู้ใช้บริการต้องใช้มือถือ Nokia 6212 เท่านั้น
8. แนวโน้มในอนาคต ระบบ GSM Mobile payWave จะเป็นอย่างไร
ตอบ
Mobile payWave เป็นนวตกรรมที่ใหม่สำหรับประเทศไทยซึ่งทั้งผู้ใช้และร้านค้าต่างๆต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับการใช้นวตกรรมใหม่ซึ่งในอนาคตหากการขยายไปยังผู้ให้บริการรายอื่นก็เป็นเรื่องที่ดี
9. มีความเป็นไปได้มั้ยว่าในอนาคต ผู้ใช้บัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทยจะไม่ต้องใช้ผ่านซิมแต่สามารถใช้ผ่านการสแกนลายนิ้วมือหรือม่านตาได้เลย
ตอบ
ทางทีมงานของเราได้มีการวิจัยเรื่องนี้มานานแล้วแต่ถูกจำกัดด้วยต้นทุนของเรื่อง Reader สแกนลายนิ้วมือหรือม่านตามีราคาที่สูงมากเพราะเราต้องนำไปติดตั้งทุกร้านค้าที่ร่วมรายการมันจะเป็นการลงทุนมากเกินไปสำหรับเทคโนโลยีปัจจุบันแต่ในอนาคตเรามองว่าถ้าเปลี่ยนจากมือถืออาจจะเป็นในรูปแบบอื่นเช่น นาฬิกา ตุ้มหู หรือแหวนแต่ยังคงความปลอดภัยเหมือนเดิม
คำถามเพิ่มเติม
คำถาม มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะไม่ต้องเซ็นสลิปแต่เราใช้การเซ็นบนอุปกรณ์เช่น Ipad แทนแล้วมีการตรวจสอบลายเซ็นลูกค้าจากฐานข้อมูลคือไม่ต้องมีลายเซ็นไว้หลังบัตรเพื่อป้องกันการขโมยบัตรแล้วปลอมลายเซ็น
ตอบ ปัจจุบันในต่างประเทศบางประเทศมีใช้แล้วเรื่องของการเซ็นบน Ipad แล้วตรวจสอบกับฐานข้อมูลลายเซ็นของลูกค้าว่าตรงหรือไม่แต่จะมีอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการระดับ First-class และโรงแรมชั้นนำเท่านั้นเพราะค่าใช้จ่ายสูงมากครับ
คำถาม มองว่า True เป็นคู่แข่งหรือไม่หากมีการทำ Mobile payWave แบบเดียวกัน
ตอบ ฐานข้อมูลลูกค้ากลุ่มนี้ยังไม่มากหากธนาคารอื่นหรือค่ายโทรศัพท์มือถือจะทำบ้างถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะแปลว่าระบบของเราดีจริงและเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นเพราะปัจจุบันภาพรวมของตลาดค่อนข้างน้อย
คำถามสุดท้ายเมื่อสองวันก่อนผมได้ข่าวมาว่าจะมีการทำบัตรเครดิตใบเดียวที่ไม่มีชื่อไม่มีลายเซ็นหลังบัตรและบัตรใบเดียวใช้ได้ทุกธนาคารมีความเป็นไปได้แค่ไหนกับคำถามนี้ครับ
ตอบ
ความเป็นไปได้น้อยมาเพราะต้องเป็นความร่วมมือกับธนาคารกลางและต้องมีการ รวมฐานข้อมูลของทุกธนาคารไว้ด้วยกันหมดและต้องมีระบบตรวจสอบหลายชั้นค่าใช้จ่ายสูงมากเรื่องนี้ทางธนาคารกลางยังไม่มีความเห็นเรื่องนี้ครับ
จากการสัมภาษณ์ในวัน 23 กันยายน 2553 ได้ข้อสรุปในเรื่องของการใช้ ฐานข้อมูลบัตรเครดิต VISA ธนาคารกสิกรไทยผนวก โทรศัพท์มือถือ Nokia 6212 ของระบบ AIS เป็นนวตกรรมใหม่การเชื่อมต่อแบบไร้สายที่มีอยู่อย่างแพร่หลายได้ปูทางให้กับรูปแบบใหม่แห่งการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งมอบความปลอดภัยในทุกการดำเนินการและผมหวังว่าในอนาคตระบบดังกล่าวจะมีการสร้างสรรค์นวตกรรมใหม่ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องเหมือนกับคำที่ว่า
“การสร้างสรรค์สิ่งใหม่จะเกิดได้ถ้าเราคิดอย่างสร้างสรรค์” ขอบคุณครับ