One device does it all: NFC Technology for Mobile(Mobile on data base)

One device does it all: NFC Technology for Mobile

ในปัจจุบันคงจะกล่าวได้ว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นได้ก้าวไกลไปจากอดีตอยู่มาก จากเดิมที่ถูกผลิตขึ้นมาเพียงเพื่อไว้สำหรับสื่อสารทางไกลเท่านั้น แต่ในขณะนี้ ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีต่างๆ โทรศัพท์เคลื่อนที่จึงไม่ได้มีหน้าที่ไว้เพียงสำหรับติดต่อสื่อสารแค่นั้นอีกต่อไป แต่มันได้เพิ่มเติมหน้าที่อันหลากหลายและน่าทึ่งเข้าไป ไล่มาตั้งแต่ เครื่องเล่นเกม กล้องดิจิตอล เครื่องเล่นเอ็มพีสาม พีดีเอ อุปกรณ์เนวิเกเตอร์ หรือแม้กระทั่งนวัตกรรมล่าสุดที่เปลี่ยนให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปเป็น ในสิ่งที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงฝั่งตรงข้าม นั่นคือ กระเป๋าตังค์

Near Field Communication (NFC): Young Blood of Mobile Technology

เทคโนโลยี NFC เป็นการนำเอา RFID มารวมเข้าไว้กับ Simcard ภายในโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อสำหรับการจัดเก็บบันทึกข้อมูล รวมทั้งสามารถทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่อ่านข้อมูลใน RFID ได้อีกด้วย ด้วยสิ่งนี้เหมือนเป็นการทำให้โทรศัพท์กลายเป็น key หรือกุญแจที่จะนำไปสู่ฐานข้อมูล (Database) ของผู้ให้บริการหรือตัวโทรศัพท์นั่นเองที่จะเป็นแหล่งของข้อมูล เพื่อให้ตัวผู้ใช้งานเกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้นในการทำธุรกรรมหรือกิจกรรมต่างๆด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่เพียงเครื่องเดียว นั่นเอง

ข้อมูลที่ว่านั่นโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ให้บริการจะคงเน้นไปที่การทำธุรกรรมทางการเงินซะมากกว่า เช่น การนำเอาข้อมูลของบัตรเครดิตมาผูกติดเอาไว้กับ RFID ภายใน Simcard เพื่อให้ทุกครั้งที่มีการจับจ่ายสินค้า เพียงผู้ใช้นำโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปลากผ่านตัวเครื่องอ่าน (RFID Reader) ตัวเคลื่อนจะทำการติดต่อกับฐานข้อมูลธนาคาร รับส่งข้อมูล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต จำนวนเงิน ยอดเครดิต ทำการอนุมัติและชำระเงิน ทั้งหมดนี้จะใช้เวลาที่รวดเร็วแต่หากว่า ผู้ใช้ไม่ได้ทำการผูกบัญชีเอาไว้กับบัตรเครดิตหรือธนาคารใดๆ ก็ยังคงสามารถทำธุรกรรมได้ด้วยการนำเอาเครื่องโทรศัพท์ไปเติมเงินผ่านทางเคลื่อนเติมเงินที่สามารถอ่านและบันทึกข้อมูลลงไปที่ RFID หลังจากนั้นทุกครั้งที่ชำระเงินยอดเงินภายใน RFID ก็จะถูกหักออกไป ลูกค้าสามารถนำไปชำระได้ทั้งค่าสินค้า บริการ และการใช้ระบบขนส่งมวลชนได้อีกด้วย

นอกเหนือจากเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงินแล้วนั้น ยังสามารถนำเอาเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้ในเรื่องของการทำ CRM เพราะอย่างที่กล่าวไว้เมื่อตัวเคลื่อนโทรศัพท์ได้กลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผู้ให้บริการหรือบริษัทต่างๆสามารถเข้าถึงฐานข้อมูล (Database) ของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถทำให้รู้ได้ว่าลูกค้าคนนี้เป็นใคร ควรจะเสนอการให้บริการแบบไหน เช่น การทำให้RFID เป็นลักษะของ E-Member card ซึ่งแต่ก่อนนั้นลูกค้าจะต้องแสดงบัตรสามารถให้กับพนักงานและทางพนักงานจะทำการค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลถึงจะทราบได้ว่าลูกค้าคนนี้เป็นใคร แต่ด้วยRFID ที่อยู่ภายในเคลื่อนโทรศัพท์ที่มีของมูลของลูกค้าอยู่แล้วเพียงเดินผ่านเข้ามาภายในร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้า ตัวเคลื่อนอ่านข้อมูล RFID Reader จะทำการอ่านข้อมูลและเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลเพื่อสืบค้นจากระบบขึ้นมาทันทีข้อมูลเหล่านี้จะไปแสดงที่หน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์ของพนักงานหรือ PDA ก็ได้จะทำให้พนักงานทราบทันที่ว่ามีลูกค้าสำคัญ หรือ ลูกค้าที่นัดหมายเอาไว้เข้ามาที่ร้านแล้ว สามารถให้บริการได้ในทันที

กานำเอามาประยุกต์ใช้สำหรับการจัดเก็บและแสดงข้อมูลของลูกค้าแต่ละรายนั้นยังอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการเดินทาง เช่นการทำเป็น E-passport เพียงเดินผ่านเครื่องอ่านข้อมูล หรือการใช้เป็นตั๋วเครื่องบิน การCheck in การเข้าพักโรงแรม เพียงลูกค้าทำการจองตั๋วผ่านทางอินเตอร์เน็ทและทำการบันทึกข้อมูลจาก RFID ที่หน้าจอผ่านทางกล้องที่อยู่บนโทรศัพท์ ในกรณีนี้จะเห็นได้ว่าโทรศัพท์ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเครื่องอ่าน (Reader) และเครื่องบันทึก (Recorder) ได้เหมือนกันและนำไปแสดงยังเคาน์เตอร์ Check in ที่สนามบินหรือโรงแรมได้ทันที

มองภาพรวมของการนำเอา NFC มาใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารของข้อมูลบน RFID นั้นจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในเรื่องของความรวดเร็วและการสะดวกสบายที่ไม่ต้องพกพาเอาบรรดา บัตรเครดิต บัตรสมาชิก เงินสด ข้อมูลต่างๆ ใบยืนยันการจองตั๋ว ไปกับตัวตลอดเวลาหรือต้องจดจำเอาหมายเลขต่างๆ เพียงแค่ทำการบันทึกข้อมูลเหล่านี้ลงบน Simcard ที่มี RFID ไว้ก็จะสามารถทำให้เราทำธุรกรรมต่างๆได้อย่าง่ายดาย ในแง่มุมของผู้ให้บริการเองดูจะได้ประโยชน์ซะมากกว่า หากนำเอาเทคโนโลยีนี้มาปรับให้เข้ากับลักษณะการทำงานและการใช้ข้อมูล เพราะจะทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าภายในฐานข้อมูลได้รวดเร็วและพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทั้งยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีเอาไว้ให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ข้อมูลที่ถูกเก็บเอาไว้และที่จะนำมาใช้งานจะต้องเป็นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพคือเป็นข้อมูลที่มีความทันสมัย(update) มีความถูกต้องและเหมาะสมกับการนำมาใช้งาน การจัดเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์นี้จะต้องอาศัยระบบการจัดการ Database ที่ดี มีความรวดเร็วและน่าเชื่อถือ

การสร้างกระแสความนิยมให้คนหันมาใช้ RFID จะต้องได้รับการส่งเสริมกันในหลายๆฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทั้งรัฐบาลและเอกชน ในการที่จะรวบรวมเอาธุรกิจต่างๆเข้ามามีส่วนรวมกับเทคโนโลยีนี้ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ห้างร้าน ขนส่งมวลชน ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ    สำหรับความสามารถที่น่าสนใจดังที่กล่าวไปแล้วนั้น อีกสิ่งที่จะต้องพัฒนาและให้ความสำคัญควบคู่กันไป เห็นจะเป็นในเรื่องของความปลอดภัยและความลับของข้อมูล เพราะถ้าเราเก็บเอา ข้อมูลบัตรเครดิต บัญชีเงินฝาก หมายเลข Passport และอื่นๆอีกมากมายมาไว้ในที่เดียวกัน ก็ควรจะมีการป้องกันข้อมูล การยืนยันความถูกต้องให้รัดกุม มากที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบายใจและมั่นใจ พร้อมที่จะนำเอาเจ้าเทคโนโลยีนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตเหมือนกับที่ครั้งหนึ่งโทรศัพท์หน้าตาประหลาด ตัวเครื่องใหญ่โต ได้เคยทำเอาไว้แล้วในอดีต

Kasikornbank and AIS introduce NFC payments in Thailand

Kasikornbank, Thailand’s second largest bank, and Advanced Info Services (AIS), the country’s largest telecommunications operator, have partnered with Gemalto to introduce NFC services in Thailand.”

http://www.nearfieldcommunicationsworld.com

Mobile payWave ในรูปแบบ Touch and Go
จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ นำโดย คุณสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย โดย คุณชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ร่วมเปิดตัวบริการ “จีเอสเอ็ม โมบาย เพย์เวฟ (GSM Mobile payWave)”นำเสนอ

Mobile payWave ในรูปแบบ Touch and Go จีเอสเอ็ม แอดวานซ์ นำโดย คุณสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย โดย คุณชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ร่วมเปิดตัวบริการ “จีเอสเอ็ม โมบาย เพย์เวฟ (GSM Mobile payWave)”นำเสนอ

“GSM Mobile payWave” เป็นการชำระเงินด้วยเทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) ซึ่งเอไอเอส และ KBank ได้รับความร่วมมือจากบริษัท Gemalto ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบ Mobile Contactless ชั้นนำระดับโลก ในการพัฒนาระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรูปแบบ Touch and Go และกำลังเป็น 1 ในเทคโนโลยีซึ่งเป็น Trend ที่มาแรงที่สุด เนื่องจากผู้บริโภคสามารถใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ชำระค่าสินค้าและบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เพียงยื่นโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้าไปที่เครื่องอ่านบัตร Visa payWave เครื่องอ่านบัตรก็จะดำเนินการอ่านข้อมูลบัตรเครดิตที่บรรจุภายในโทรศัพท์เคลื่อนที่ และทำการประมวลผลข้อมูลเพื่ออนุมัติการชำระค่าสินค้าหรือบริการนั้นๆ ทันที โดยในอนาคตจะมีการขยายการใช้บริการดังกล่าวไปยังผู้ให้บริการอื่นๆ ที่สามารถใช้ประโยชน์ของการชำระสินค้าแบบ Touch and Go หรือ Micro Payment โดยการเปิดตัวในครั้งนี้ เอไอเอส ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย พัฒนาขึ้นในลักษณะของบริการนำร่องเพื่อให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การก่อนที่จะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

สำหรับความร่วมมือในการพัฒนาบริการ GSM Mobile payWave ครั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทย ได้นำนวัตกรรมการชำระเงินระบบไร้สัมผัส ผสานเข้ากับเทคโนโลยีด้านการสื่อสารของ เอไอเอส -จีเอสเอ็ม แอดวานซ์  ได้เป็นบริการที่ช่วย

ให้การทำธุรกรรมของลูกค้าเป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้น เพราะเพียงแค่มีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ ก็สามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการจากร้านค้าต่างๆ ที่มีสัญลักษณ์ VISA payWave ได้ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งเชื่อมั่นว่าบริการ GSM Mobile payWave นี้จะเป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างแน่นอน และธนาคารกสิกรไทยมีแผนจะขยายร้านค้ารับบัตร VISA payWave ให้ครอบคลุมแหล่งช็อปปิ้งมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ในการใช้จ่ายนี้
คำจำกัดความและความหมาย

Mobile payWave
มือถือเป็นบัตรเครดิตใช้มือถือสแกนบน Reader machine ในร้านค้าที่ร่วมรายการ เพื่อจ่ายเงินโดยcharge เป็นรายการ
ค่าใช้จ่ายผ่านบัญชีธนาคารที่ผูกไว้กับธนาคาร (เบื้องต้นร่วมกับ KBANK) โดยจะมีวงเงินต่อครั้งไม่มาก  และจะมีการ monitor และ verify การใช้งานทุกๆ 5,000 บาท ในต่างประเทศจะนิยมใช้เวลาซื้อของผ่าน vending machine หรือบัตรโดยสารรถไฟฟ้า หรือซื้อของใน supermarket “GSM ซิมเดียวอยู่” จะมาพร้อมกับ payWave ที่ทาง AIS จับมือกับทาง VISA เปิดให้บริการ โดยตัว payWave นั้นเป็นวงจร NFC (near-field communication) ที่ฝังอยู่ในตัวซิมการ์ด และสื่อสารกับจุดรับจ่ายเงินที่มีป้าย payWave อยู่ จุดเด่นของ payWave นั้นคือความปลอดภัยจากการใช้โปรโตคอลการสั่งจ่ายของ VISA ที่เป็นมืออาชีพ และการยืนยันยอดจ่ายเงินที่ทาง AIS ระบุว่าจะมีการยืนยันทุกๆ ยอดเงิน 5,000 บาทเพื่อจำกัดความเสียหายกรณีที่เกิดเครื่องสูญหายหรือกรณีอื่นๆ
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลโดย
คุณอังคณา ศรสวัสดิ์
ตำแหน่ง Business Development สำนักงานใหญ่
KASIKORNBANK PUBLIC COMPANY LIMITED
ข้อมูลอ้างอิงได้จากการสัมภาษณ์จริงโดยนายรวิช เมฆสุนทรากุล เป็นผู้สัมภาษณ์
To: mrravich@hotmail.com
CC: onthida.b@kasikornbank.com; chaiyavitch.k@kasikornbank.com
Subject: GSM Mobile payWave Project
From: angkana.so@kasikornbank.com
Date: Wed, 8 Sep 2010 17:08:41 +0700

Introducing a new wave of ease and convenience
“Visa payWave is a new payment feature that lets you check out faster since you don’t need to fumble for cash. With Visa payWave, you simply wave your Visa card in front of a secure reader, and you’re on your way. Most of the time, a signature is not required for purchases under $25, plus, you retain control of the card during the transaction, which reduces the risk of fraud.”

ในขณะที่เทคโนโลยีวิวัฒนาการไปอย่างไม่หยุดนิ่ง แนวคิดการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรวีซ่ากำลังเติบโต โดยการขยายรูปแบบจากการรูดหรือสอดบัตรผ่านเข้าในเครื่องรับบัตรไปยังรูปแบบการรับบัตรใหม่ๆ มากมาย การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์อันชาญฉลาดใหม่ๆและเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่มีอยู่อย่างแพร่หลายได้ปูทางให้กับรูปแบบใหม่แห่งการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งมอบความปลอดภัยในทุกการดำเนินการและบริการเพิ่มคุณค่าไปกับทุกการเคลื่อนที่ ด้วยการนำชิปรุ่นล่าสุดและเทคโนโลยีไร้สายมาใช้ วีซ่าได้พัฒนา วีซ่า เพย์เวฟ (Visa payWave)
วีซ่า เพย์เวฟ (Visa payWave) คืออะไร
วีซ่า เพย์เวฟ คือ วิธีการชำระเงินแบบไร้สัมผัส – คอนแทคเลส (contactless) ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำบัตรไปรูดหรือสอดผ่านเข้าในเครื่องรับบัตร เพียงถือบัตรวีซ่า เพย์เวฟไว้ใกล้กับเครื่องอ่านบัตรภายในระยะห่างไม่เกิน 4 เซนติเมตร เครื่องอ่านบัตรจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลเพื่ออนุมัติการชำระค่าสินค้าหรือบริการนั้นๆ
วีซ่า เพย์เวฟจึงเป็นวิธีการที่รวดเร็วและง่ายดายสำหรับผู้บริโภคในการชำระค่าสินค้าและบริการ ร้านค้าที่รับวีซ่า เพย์เวฟสามารถดำเนินการรับชำระสินค้าในเวลาชำระในเวลาเพียง 4-6 วินาทีซึ่งรวมถึงการพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน เมื่อเทียบกับการชำระด้วยเงินสดซึ่งโดยทั่วไปใช้เวลาระหว่าง 12 ถึง 14 วินาทีนับตั้งแต่การยื่นเงินจนถึงการรับเงินทอน โดยไม่จำเป็นต้องเซ็นชื่อและไม่จำเป็นต้องยื่นบัตรให้แก่แคชเชียร์ – ผู้บริโภคเพียงถือบัตร ทำการชำระ และจบขั้นตอนอย่างรวดเร็ว
วีซ่า เพย์เวฟพัฒนาบนมาตรฐานบัตรสมาร์ตการ์ด อีเอ็มวี ซึ่งใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งในปัจจุบันได้รับความยอมรับจาก ผู้ออกบัตรและผู้บริการรับบัตรทั่วโลกและในเอเชีย แปซิฟิก การชำระจะทำผ่านคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ซึ่งคล้ายกับบัตร ‘tap and go’ ซึ่งผู้บริโภคในประเทศไทยคุ้นเคยจากระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (BTS หรือ MRT) โดยมีเสาอากาศ-ลวดทองแดงบางๆภายในบัตรวีซ่า เพย์เวฟซึ่งโอนย้ายข้อมูลการชำระอย่างรวดเร็วและปลอดภัยผ่านสัญญาณความถี่วิทยุไปสู่ตัวอ่านซึ่งเชื่อมต่อกับเครื่องชำระของร้านค้า
สิทธิประโยชน์ต่อผู้ให้และใช้บริการสำหรับผู้บริโภ
ไม่จำเป็นต้องเซ็นชื่อและมอบบัตรให้กับพนักงานแคชเชียร์ จึงให้ความมั่นใจว่าบัตรจะไม่สูญหายหรือถูกขโมย
เพิ่มอำนาจผู้ถือบัตรด้วยความสะดวกและคล่องตัวด้วยทางเลือกการชำระค่าสินค้าและบริการ
ทำงานเป็นสามบัตรในหนึ่งเดียว บัตรวีซ่า เพย์เวฟไม่เพียงสามารถใช้เป็นบัตร ไร้สัมผัส ณ จุดที่มีเครื่องหมายวีซ่าและContactlessปรากฏอยู่เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นบัตรวีซ่าปกติซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
นอกเหนือจากเรื่องการจับจ่ายซื้อของแล้ว ยังอำนวยความสะดวกในเรื่องของการยืนยันข้อมูลตัวบุคคลสำหรับธุรกิจต่างๆเช่น โรงแรม หรือ สายการบิน โดยลูกค้าไม่ต้องจดจำรหัสการจอง หรือนำเอกสารไปด้วย
และคำถามที่ได้ mail ไปถามข้อมูลคุณอังคนา เพิ่มเติมได้รับการmail กลับมาว่าจะส่งคำถามไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจะตอบกลับมาให้เร็วที่สุด
คำถามครับ
1.จากที่ได้อ่านไฟล์ที่แนบมาด้วย ระบบ“GSM Mobile payWave” เป็นการชำระเงินด้วยเทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) ซึ่งเอไอเอส และ KBank ได้รับความร่วมมือจากบริษัท Gemalto ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบMobile Contactless ชั้นนำระดับโลก อย่างนี้บนมือถือของผู้ใช้เรามีระบบป้องกันอย่างไรหากว่า
มือถือเราถูกขโมย ในการชำระสินค้าแต่ล่ะครั้งจะต้องมีการเข้ารหัสเพื่อยืนยังความเป็นเจ้าของเครื่องอย่างไร?
2.เป้าหมายของโครงการ GSM Mobile payWave คาดว่าจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย
3.เริ่มได้ยินสปอร์ตโฆษณาทางวิทยุอยากทราบว่าเริ่มเปิดให้บริการกับลูกค้าทั่วไปได้เมื่อไร
4.ทางบัตรเครดิตกสิกรมีเป้าหมายจะร่วมกับ Operator รายอื่นด้วยหรือไม่
5.ระดับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยที่จะเข้าร่วม โครงการ GSM Mobile payWave เป็นบัตรชนิดใด
6. ณ ตอนนี้เครื่องมือถือที่ใช้ได้จะเป็นเฉพาะโนเกีย 6212 เท่านั้นแล้วในอนาคตจะมียี่ห้อเพิ่มขึ้นรึเปล่าและทำไมต้องเป็น 6212
7.ข้อดี/ข้อด้อย ของการใช้ GSM Mobile payWave เปรียบเทียบกับบัตรเครดิต
8.แนวโน้มในอนาคต ระบบ GSM Mobile payWave จะเป็นอย่างไร
9.มีความเป็นไปได้มั้ยว่าในอนาคต ผู้ใช้บัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทยจะไม่ต้องใช้ผ่านซิมแต่สามารถใช้ผ่านการสแกนลายนิ้วมือหรือม่านตาได้เลย

หมายเหตุ เอกสาร การประชุม Mobile payment Asia 2007 2-4 October 2007

Unlocking Business Opportunities with Mobile Payment Services

สรุป นวตกรรมใหม่สำหรับประเทศไทยการนำฐานข้อมูลบัตรเครดิต VISA ผนวก SimCard ของระบบ AIS ทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ โนเกีย 6212  สามารถชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งเชื่อมต่อกันฐานข้อมูล VISA ด้วยระบบ Near Field Communication (NFC): Young Blood of Mobile Technology

2 responses to this post.

  1. Posted by ธนกร on กันยายน 22, 2010 at 9:23 AM

    เรื่องราวน่าสนใจดีครับ เป็นลักษณะของการรวมเทคโนโลยีอีกอย่างหนึ่ง มีคำถามเล่นๆ จะฝากถามว่า ทางบริษัทมอง Position ของ True Money อย่างไร เป็นคู่แข่งหรือไม่ครับ

    ตอบกลับ

  2. จากการสัมภาษณ์ผู้ดูแล Project เรื่องของฐานข้อมูลบัตรเครดิต VISA ธนาคารกสิกรไทยผนวก โทรศัพท์มือถือ Nokia 6212 ของระบบ AIS
    ——————————————————————————–
    ขอขอบคุณสำหรับการอำนวยความสะดวกและข้อมูล
    Mr. Srihanath Lamsamและทีมงานที่รับผิดชอบ Project นี้
    Retail E-Business Department
    KASIKORNBANK
    ——————————————————————————–
    1.จากที่ได้อ่านไฟล์ที่แนบมาด้วย ระบบ“GSM Mobile payWave” เป็นการชำระเงินด้วยเทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) ซึ่งเอไอเอส และ KBank ได้รับความร่วมมือจากบริษัท Gemalto ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบ Mobile Contactless ชั้นนำระดับโลก อย่างนี้บนมือถือของผู้ใช้เรามีระบบป้องกันอย่างไรหากว่ามือถือเราถูกขโมย ในการชำระสินค้าแต่ล่ะครั้งจะต้องมีการเข้ารหัสเพื่อยืนยังความเป็นเจ้าของเครื่องอย่างไร?
    ตอบ
    รูปแบบของ NFC Phone ข้อมูลบัตรเครดิตจะถูกฝังไว้บนมือถือ 6212 Nokia (ราคาประมาณ 12,000) บนแผงวงจรมือถือบนเครื่อง ในกรณีที่มือถือหายการปฏิบัติจะทำเหมือนบัตรเครดิตหายคือโทรเข้า Call center ของธนาคารกสิกรไทยแล้วทางเจ้าหน้าที่จะทำการ Lock ระบบการใช้จ่าย 2 ชั้นคือ Lockขั้นที่1. ระงับวงเงินการใช้บัตร(back office) Lockขั้นที่2. จะส่งการระงับการชำระเงินผ่านเครื่องมือถือทำให้มือถือไม่สามารถชำระสินค้าได้
    (ในกรณีที่เราถอดซิมของเราแล้วเอาซิมของเพื่อนมาใส่เราก็ยังสามารถชำระสินค้าได้ตามปกติโดยข้อมูลการใช้จ่ายจะเป็นชื่อของเรา)
    2.เป้าหมายของโครงการ GSM Mobile pay Wave คาดว่าจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย
    ตอบ
    ความคาดหวังของเราคงจะยังไม่สามารถคิดเป็นเปอร์เซ็นได้ในขณะนี้เราก็มีการเช็กผลตอบรับเป็นไตรมาสแต่โดยเป้าหมายกลุ่มลูกค่าเราจะเป็น Lifestyle ของความคล่องตัวในด้านของเทคโนโลยีIT กับ ความนำสมัยโดยการคัดเลือก AIS จะคัดกรอกกลุ่มลูกค้าในเบื้องต้นแล้วนำมา matching กับกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทย
    3.เริ่มได้ยินสปอร์ตโฆษณาทางวิทยุอยากทราบว่าเริ่มเปิดให้บริการกับลูกค้าทั่วไปได้เมื่อไร
    ตอบ
    เราได้เปิดตัวไปประมาณเดือนกว่าๆแล้วและขั้นต่อไปคือสังเกตุผลตอบรับจากกลุ่มPilot ในส่วนของการตลาดเราจะให้ทาง AIS ดูแลในเรื่องนี้ครับ
    4.ทางบัตรเครดิตกสิกรมีเป้าหมายจะร่วมกับ Operator รายอื่นด้วยหรือไม่
    ตอบ
    นโยบายของธนาคารไม่ได้ผูกกับค่ายใดเป็นพิเศษเรายินดีหาก Operator รายอื่นจะทำ
    5.ระดับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยที่จะเข้าร่วม โครงการ GSM Mobile pay Wave เป็นบัตรชนิดใด
    ตอบ
    เป็นกลุ่มที่ชอบเทคโนโลยีสมัยใหม่สะดวกสบายในอนาคตเราจะทำให้สามารถใช้ในบริการ BTS และ MRT เพราะในปัจจุบันเราสามารถชำระในร้านค้าชั้นนำได้หลายแห่งเช่น ร้านกาแฟ ห้างสรรพสินค้า และ อื่นตามที่ได้โฆษณาไว้กับร้านค้าที่ร่วมรายการ
    6. ณ ตอนนี้เครื่องมือถือที่ใช้ได้จะเป็นเฉพาะโนเกีย 6212 เท่านั้นแล้วในอนาคตจะมียี่ห้อเพิ่มขึ้นรึเปล่าและทำไมต้องเป็น 6212
    ตอบ
    การใช้งานจริงทั่วโลกปัจจุบันจะมียี่ห้อ Nokia เพียงเจ้าเดียวส่วนที่เหลือจะยังอยู่ในการพัฒนาตัวต้นแบบอยู่
    7.ข้อดี/ข้อด้อย ของการใช้ GSM Mobile payWave เปรียบเทียบกับบัตรเครดิต
    ตอบ
    ข้อดี
    1. ลูกค้าไม่ต้องพกบัตรและลูกค้าต้องการความรวดเร็ว
    2. การชำระเงินในวงเงินไม่มาก(5,000 บาท)และไม่ต้องเซ็นสลิป
    3. ระบบความปลอดภัยเท่ากับบัตรเครดิต
    ข้อจำกัด
    1. การชำระเงินต้องเป็นเครื่องรูดบัตรของธนาคารกสิกรไทยที่สนับสนุนการรูดบัตรผ่านระบบ Mobile Paywave
    2. ผู้ใช้บริการต้องใช้มือถือ Nokia 6212 เท่านั้น
    8. แนวโน้มในอนาคต ระบบ GSM Mobile payWave จะเป็นอย่างไร
    ตอบ
    Mobile payWave เป็นนวตกรรมที่ใหม่สำหรับประเทศไทยซึ่งทั้งผู้ใช้และร้านค้าต่างๆต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับการใช้นวตกรรมใหม่ซึ่งในอนาคตหากการขยายไปยังผู้ให้บริการรายอื่นก็เป็นเรื่องที่ดี
    9. มีความเป็นไปได้มั้ยว่าในอนาคต ผู้ใช้บัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทยจะไม่ต้องใช้ผ่านซิมแต่สามารถใช้ผ่านการสแกนลายนิ้วมือหรือม่านตาได้เลย
    ตอบ
    ทางทีมงานของเราได้มีการวิจัยเรื่องนี้มานานแล้วแต่ถูกจำกัดด้วยต้นทุนของเรื่อง Reader สแกนลายนิ้วมือหรือม่านตามีราคาที่สูงมากเพราะเราต้องนำไปติดตั้งทุกร้านค้าที่ร่วมรายการมันจะเป็นการลงทุนมากเกินไปสำหรับเทคโนโลยีปัจจุบันแต่ในอนาคตเรามองว่าถ้าเปลี่ยนจากมือถืออาจจะเป็นในรูปแบบอื่นเช่น นาฬิกา ตุ้มหู หรือแหวนแต่ยังคงความปลอดภัยเหมือนเดิม
    คำถามเพิ่มเติม
    คำถาม มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะไม่ต้องเซ็นสลิปแต่เราใช้การเซ็นบนอุปกรณ์เช่น Ipad แทนแล้วมีการตรวจสอบลายเซ็นลูกค้าจากฐานข้อมูลคือไม่ต้องมีลายเซ็นไว้หลังบัตรเพื่อป้องกันการขโมยบัตรแล้วปลอมลายเซ็น
    ตอบ ปัจจุบันในต่างประเทศบางประเทศมีใช้แล้วเรื่องของการเซ็นบน Ipad แล้วตรวจสอบกับฐานข้อมูลลายเซ็นของลูกค้าว่าตรงหรือไม่แต่จะมีอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการระดับ First-class และโรงแรมชั้นนำเท่านั้นเพราะค่าใช้จ่ายสูงมากครับ
    คำถาม มองว่า True เป็นคู่แข่งหรือไม่หากมีการทำ Mobile payWave แบบเดียวกัน
    ตอบ ฐานข้อมูลลูกค้ากลุ่มนี้ยังไม่มากหากธนาคารอื่นหรือค่ายโทรศัพท์มือถือจะทำบ้างถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะแปลว่าระบบของเราดีจริงและเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นเพราะปัจจุบันภาพรวมของตลาดค่อนข้างน้อย
    คำถามสุดท้ายเมื่อสองวันก่อนผมได้ข่าวมาว่าจะมีการทำบัตรเครดิตใบเดียวที่ไม่มีชื่อไม่มีลายเซ็นหลังบัตรและบัตรใบเดียวใช้ได้ทุกธนาคารมีความเป็นไปได้แค่ไหนกับคำถามนี้ครับ
    ตอบ
    ความเป็นไปได้น้อยมาเพราะต้องเป็นความร่วมมือกับธนาคารกลางและต้องมีการ รวมฐานข้อมูลของทุกธนาคารไว้ด้วยกันหมดและต้องมีระบบตรวจสอบหลายชั้นค่าใช้จ่ายสูงมากเรื่องนี้ทางธนาคารกลางยังไม่มีความเห็นเรื่องนี้ครับ
    จากการสัมภาษณ์ในวัน 23 กันยายน 2553 ได้ข้อสรุปในเรื่องของการใช้ ฐานข้อมูลบัตรเครดิต VISA ธนาคารกสิกรไทยผนวก โทรศัพท์มือถือ Nokia 6212 ของระบบ AIS เป็นนวตกรรมใหม่การเชื่อมต่อแบบไร้สายที่มีอยู่อย่างแพร่หลายได้ปูทางให้กับรูปแบบใหม่แห่งการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งมอบความปลอดภัยในทุกการดำเนินการและผมหวังว่าในอนาคตระบบดังกล่าวจะมีการสร้างสรรค์นวตกรรมใหม่ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องเหมือนกับคำที่ว่า
    “การสร้างสรรค์สิ่งใหม่จะเกิดได้ถ้าเราคิดอย่างสร้างสรรค์” ขอบคุณครับ

    ตอบกลับ

ใส่ความเห็น